ผู้เขียน หัวข้อ: หมอออนไลน์: รอยแผลที่หนังศีรษะ  (อ่าน 12 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1372
  • ขายฟรีสินค้าในไทย,ลงประกาศฟรี,ทุกหมวดหมู่,เวบบอร์ดรองรับ SEO
    • ดูรายละเอียด
หมอออนไลน์: รอยแผลที่หนังศีรษะ
« เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2025, 23:32:13 น. »
หมอออนไลน์: รอยแผลที่หนังศีรษะ

รอยแผลที่หนังศีรษะสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อน ซึ่งแต่ละสาเหตุก็มีลักษณะของแผลและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันไป การระบุสาเหตุที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุของรอยแผลที่หนังศีรษะ

การบาดเจ็บทางกายภาพ (Trauma):

การขีดข่วน/เกา: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด อาจเกิดจากการคันหนังศีรษะ (จากรังแค, ผิวแห้ง, เหงื่อ, หรือการแพ้) หรือจากความเคยชิน ทำให้เกิดแผลถลอก แผลแดง หรือแผลที่มีสะเก็ด
การกระแทก/ฟกช้ำ: การชน กระแทกศีรษะ อาจทำให้เกิดรอยถลอก รอยช้ำ หรือแผลฉีกขาด
การติดกิ๊บ/ยางรัดผมแน่นเกินไป: การดึงรั้งเส้นผม หรือใช้อุปกรณ์ที่กดทับหนังศีรษะเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดแผลกดทับหรือผมร่วงเป็นหย่อมพร้อมแผล
การหวีผมแรงๆ หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: หวีที่มีซี่แหลมคม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นแผลได้


การติดเชื้อ (Infections):

เชื้อรา (Tinea Capitis หรือ กลากที่หนังศีรษะ): มักทำให้เกิดรอยแดง มีขุย ผมร่วงเป็นหย่อมๆ และอาจมีอาการคันมาก หากรุนแรงอาจมีตุ่มหนอง (Kerion) และเป็นแผลพุพองได้
เชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Folliculitis/Impetigo/Cellulitis):
รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis): เป็นตุ่มแดงเล็กๆ หรือตุ่มหนองที่โคนผม อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Staphylococcus aureus)
แผลพุพอง/ติดเชื้อที่ผิวหนัง (Impetigo): มักพบบ่อยในเด็ก มีลักษณะเป็นแผลแดง ตุ่มน้ำใส แล้วแตกออกเป็นแผ่นเหลืองๆ คล้ายน้ำผึ้งแห้งติดอยู่
เซลลูไลติส (Cellulitis): การติดเชื้อแบคทีเรียที่ชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดรอยแดงร้อน บวม และปวด อาจมีตุ่มน้ำหรือแผล
เชื้อไวรัส: เช่น เริม (Herpes Simplex) หรืองูสวัด (Herpes Zoster) ซึ่งสามารถเกิดบนหนังศีรษะได้ ทำให้มีตุ่มน้ำใสที่เจ็บปวดมาก แล้วแตกออกเป็นแผล


โรคผิวหนัง (Skin Conditions):

โรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ (Scalp Psoriasis): มีลักษณะเป็นปื้นแดง หนา ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีเงินอมขาว มักมีอาการคันมาก การแกะเกาอาจทำให้เกิดแผลเลือดออก
โรคผิวหนังอักเสบจากไขมัน (Seborrheic Dermatitis): มีลักษณะเป็นรอยแดง มีขุยเหลืองๆ มันๆ คัน ซึ่งการเกาอาจทำให้เกิดแผลถลอกได้
โรคแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis): เกิดจากการแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (แชมพู, ครีมนวด, สีย้อมผม) ทำให้เกิดผื่นแดง คัน และอาจมีตุ่มน้ำหรือแผลจากการเกา


ปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune Conditions):

โรคผมร่วงเป็นหย่อมชนิดแผลเป็น (Cicatricial Alopecia): เป็นกลุ่มโรคที่ทำให้รูขุมขนถูกทำลายอย่างถาวร ทำให้เกิดแผลเป็นและผมร่วงถาวรในบริเวณนั้น มีอาการแดง คัน แสบร้อน หรือเจ็บ
โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus - SLE): ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการทางผิวหนังที่หนังศีรษะ ทำให้เกิดรอยแดง เป็นแผล และผมร่วง


ภาวะก่อนมะเร็งและมะเร็ง (Precancerous & Malignancies):

แอคตินิก เคอราโทซิส (Actinic Keratosis): เป็นรอยโรคหยาบกร้าน สีแดงหรือน้ำตาลเล็กน้อย เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเรื้อรัง เป็นภาวะก่อนมะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ (Skin Cancers): เช่น Basal Cell Carcinoma, Squamous Cell Carcinoma, หรือ Melanoma สามารถเกิดขึ้นที่หนังศีรษะได้ โดยอาจเริ่มจากตุ่มเล็กๆ ที่โตขึ้น มีเลือดออกง่าย หรือเป็นแผลที่ไม่หาย


เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง หากมีรอยแผลที่หนังศีรษะที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

แผลไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์
แผลมีขนาดใหญ่ขึ้น
มีอาการปวดรุนแรง บวมแดง ร้อน หรือมีหนอง (บ่งชี้ถึงการติดเชื้อ)
มีไข้ หรือมีอาการป่วยอื่นๆ ร่วมด้วย
ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ชัดเจน
มีประวัติสัมผัสสารเคมีอันตราย หรือถูกสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ
มีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็น

การรักษาเบื้องต้นและการดูแลตัวเอง
ในระหว่างที่รอพบแพทย์ หรือในกรณีที่แผลไม่รุนแรง อาจดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้:

ทำความสะอาดแผล: ล้างแผลเบาๆ ด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ แล้วซับให้แห้ง
หลีกเลี่ยงการแกะ เกา: หากคันมาก อาจใช้ยาแก้คันชนิดทา หรือรับประทานยาแก้แพ้
หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี: งดการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สีย้อมผม หรือแชมพูที่มีสารเคมีรุนแรง
ดูแลความสะอาดของผมและหนังศีรษะ: สระผมเป็นประจำด้วยแชมพูอ่อนโยน
หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น: เช่น หวี, หมวก, ผ้าขนหนู เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

การวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะการรักษาที่ผิดพลาดอาจทำให้แผลหายช้าลง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าเดิมได้ครับ.