ผู้เขียน หัวข้อ: Doctor At Home: การชักในทารกแรกเกิด (Neonatal Seizures)  (อ่าน 15 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1358
  • ขายฟรีสินค้าในไทย,ลงประกาศฟรี,ทุกหมวดหมู่,เวบบอร์ดรองรับ SEO
    • ดูรายละเอียด
Doctor At Home: การชักในทารกแรกเกิด (Neonatal Seizures)
« เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2025, 21:20:28 น. »
Doctor At Home: การชักในทารกแรกเกิด (Neonatal Seizures)

การชักในทารกแรกเกิด (Neonatal Seizures) เป็นภาวะที่สำคัญและควรได้รับการประเมินและรักษาอย่างเร่งด่วนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติทางสมองที่รุนแรงได้

ลักษณะอาการชักในทารกแรกเกิด
อาการชักในทารกแรกเกิดอาจแตกต่างจากอาการชักในเด็กโตหรือผู้ใหญ่มาก เนื่องจากสมองของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้สัญญาณที่แสดงออกมาอาจไม่ชัดเจนหรือละเอียดอ่อน (subtle) จนบางครั้งพ่อแม่อาจสังเกตเห็นได้ยาก อาการที่พบบ่อยได้แก่:

อาการชักที่ละเอียดอ่อน (Subtle Seizures): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและสังเกตได้ยากที่สุดในทารกแรกเกิด เช่น

การเคลื่อนไหวของตา: ตากระตุก, ตาเหลือกขึ้น, ลืมตาค้าง, กระพริบตาถี่ๆ, ลูกตากลอกไปมาโดยไม่มีจุดหมาย
การเคลื่อนไหวในช่องปาก: ดูดปาก, เลียปาก, เคี้ยว, ยื่นลิ้น
การเคลื่อนไหวแขนขา: ปั่นจักรยาน, ถีบขา, เคลื่อนไหวแขนขาแปลกๆ
การเปลี่ยนแปลงการหายใจ: หยุดหายใจเป็นช่วงๆ (apnea)
การเปลี่ยนแปลงสีผิว: ผิวซีดหรือเขียวคล้ำ
อาการชักแบบเกร็งกระตุก (Clonic Seizures): เป็นการกระตุกเป็นจังหวะของกล้ามเนื้อ มักจะเกิดขึ้นข้างเดียวของร่างกาย เช่น กระตุกที่แขนหรือขาข้างเดียว แต่บางครั้งอาจเกิดขึ้นทั้งสองข้างก็ได้

อาการชักแบบเกร็งค้าง (Tonic Seizures): กล้ามเนื้อเกร็งค้าง อาจเป็นเฉพาะบางส่วนของร่างกายหรือเกร็งทั้งตัว มักเกิดขึ้นขณะทารกหลับ

อาการชักแบบตัวอ่อนปวกเปียก (Atonic Seizures): ทารกมีอาการอ่อนแรง suddenly กล้ามเนื้อไม่เกร็ง อาจดูเหมือนหมดสติไปชั่วขณะ

สาเหตุของการชักในทารกแรกเกิด
สาเหตุของการชักในทารกแรกเกิดมีความหลากหลายและมักเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางสมองที่สำคัญ สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่:

ภาวะสมองขาดออกซิเจนและเลือด (Hypoxic-ischemic encephalopathy - HIE): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการที่สมองขาดออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงในช่วงก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
เลือดออกในสมอง (Intracranial Hemorrhage): เช่น เลือดออกในโพรงสมอง (Intraventricular hemorrhage) หรือเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (Subdural hemorrhage) ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บขณะคลอด โดยเฉพาะในทารกคลอดก่อนกำหนด
การติดเชื้อในสมอง/ระบบประสาท: เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือสมองอักเสบ (Encephalitis) ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก หรือติดเชื้อหลังคลอด
ความผิดปกติทางเมตาบอลิซึม (Metabolic Disturbances): เช่น
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia)
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia)
ภาวะโซเดียมในเลือดผิดปกติ (Hyponatremia / Hypernatremia)
ความผิดปกติของระบบเผาผลาญแต่กำเนิด (Inborn errors of metabolism)
ความผิดปกติของโครงสร้างสมอง (Brain Malformations): เช่น สมองพัฒนาไม่สมบูรณ์
ภาวะถอนยา (Drug Withdrawal): หากมารดามีการใช้ยาเสพติดบางชนิดในระหว่างตั้งครรภ์
สาเหตุทางพันธุกรรม (Genetic Causes): เช่น ภาวะโรคลมชักที่เกิดจากพันธุกรรมบางชนิดที่แสดงอาการตั้งแต่แรกเกิด


การวินิจฉัย
เมื่อสงสัยว่าทารกแรกเกิดมีอาการชัก แพทย์จะทำการตรวจอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุ ซึ่งอาจรวมถึง:

การซักประวัติ: ประวัติการตั้งครรภ์ การคลอด และอาการของทารก
การตรวจร่างกาย: ตรวจร่างกายทารกอย่างละเอียด
การตรวจเลือด: เพื่อหาสาเหตุทางเมตาบอลิซึม เช่น ระดับน้ำตาล แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม
การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture): เพื่อตรวจหาการติดเชื้อในระบบประสาท
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography - EEG): เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัยและยืนยันว่ามีภาวะชักหรือไม่ โดยจะบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อดูความผิดปกติ
การตรวจภาพสมอง (Neuroimaging): เช่น การทำอัลตราซาวด์สมอง (Cranial Ultrasound), CT scan หรือ MRI brain เพื่อดูโครงสร้างสมองและหาความผิดปกติ เช่น เลือดออกในสมอง หรือความผิดปกติของเนื้อสมอง


การรักษา
การรักษาอาการชักในทารกแรกเกิดมีวัตถุประสงค์หลักคือ หยุดอาการชักและรักษาที่สาเหตุ

การรักษาภาวะฉุกเฉิน: ให้ยาเพื่อหยุดอาการชักทันที เช่น Phenobarbital, Levetiracetam, Midazolam เป็นต้น

การรักษาสาเหตุ:
หากเกิดจากน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็ให้กลูโคส
หากเกิดจากการติดเชื้อ ก็ให้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส
หากเกิดจากภาวะสมองขาดออกซิเจน อาจพิจารณาการรักษาด้วยการลดอุณหภูมิกาย (Therapeutic Hypothermia) เพื่อช่วยลดความเสียหายของสมอง
การรักษาต่อเนื่อง: หากสาเหตุของอาการชักไม่สามารถแก้ไขได้ หรือทารกยังคงมีอาการชักอยู่ อาจต้องได้รับยากันชักต่อเนื่องภายใต้การดูแลของแพทย์

ผลกระทบระยะยาว
ผลกระทบระยะยาวของการชักในทารกแรกเกิดขึ้นอยู่กับสาเหตุ underlying cause และความรุนแรงของการชัก:

พัฒนาการล่าช้า: ทารกที่มีอาการชักจากสาเหตุรุนแรง เช่น สมองขาดออกซิเจน หรือความผิดปกติของสมอง อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะมีพัฒนาการล่าช้า ทั้งด้านสติปัญญา กล้ามเนื้อ และภาษา
โรคลมชักในระยะยาว: ทารกบางรายที่เคยชักในวัยแรกเกิด อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคลมชักในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่
ปัญหาทางระบบประสาทอื่นๆ: เช่น ภาวะสมองพิการ (Cerebral Palsy)

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การนำทารกไปพบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่ามีอาการชัก การวินิจฉัยและรักษาที่รวดเร็วและถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสียหายของสมองและปรับปรุงผลลัพธ์ระยะยาวของทารก