ผู้เขียน หัวข้อ: ยาชูกำลัง: วิธีเติมพลังครึ่งบ่ายให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ต่อให้งานหนักแค่ไหนก็ไ  (อ่าน 75 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 898
  • ขายฟรีสินค้าในไทย,ลงประกาศฟรี,ทุกหมวดหมู่,เวบบอร์ดรองรับ SEO
    • ดูรายละเอียด
ยาชูกำลัง: วิธีเติมพลังครึ่งบ่ายให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ต่อให้งานหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น !

 
วิธีแก้ง่วงยามบ่าย กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวหลังพักเที่ยง ไม่อยากทำงานแล้วนั่งหาวหวอด ๆ ก็รีบหามากินด่วน

พอเวลาเดินมาถึงช่วงบ่าย หลายคนก็คงจะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร บางคนถึงกับทำงานไปหาวไป หรือไม่ก็สมองตื้อคิดอะไรแทบไม่ออก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ได้แก้ได้ด้วยการหาเครื่องดื่มคาเฟอีนสูงปรี๊ดมาดื่มเพียงอย่างเดียว ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณทำได้ แถมยังช่วยทำให้สดชื่นไปได้ถึงเวลาเลิกงานเลยเชียวล่ะ ซึ่งได้คัดเอาวิธีเด็ด ๆ ใช้ได้ผลชัวร์มาฝากกัน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอาการง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่ายหรือหลังรับประทานอาหารนั้นมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายของเราเริ่มเข้าสู่กระบวนการย่อยอาหารที่รับประทานเข้าไป ซึ่งจะกินเวลาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง และในระยะเวลาระหว่างนั้น พลังงานในร่างกายของคุณจะถูกดึงไปใช้ในระบบย่อยอาหารเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คุณรู้สึกง่วง แต่หลังจากที่อาหารถูกย่อยไปบ้างแล้ว ระดับน้ำตาลก็จะเพิ่มขึ้นและทำให้กลับมาสดชื่นตามเดิม แต่จะให้รอจนกว่าจะมีแรงขึ้นมา งานก็อาจจะไม่เดิน แต่ถ้าใช้วิธีเหล่านี้รับรองว่าสดชื่นไปได้ทั้งบ่ายแน่นอน

 
ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยในช่วงพักกลางวัน

การยืดเส้นยืดสายสักนิดในช่วงพักกลางวันเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด และการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยนายแพทย์ Carl Brazil ผู้อำนวยการด้านโรคลมชักและการนอนหลับแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ก็ได้แนะนำวิธีการออกกำลังกายเพื่อลดความอ่อนเพลียในช่วงบ่าย อย่างเช่น การเตะขาไปข้างหน้า การเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ และการเดินไปรอบ ๆ ตึก สามารถช่วยให้สดชื่นมากขึ้น นอกจากนี้การศึกษาในมหาวิทยาลัยโทรอนโตยังได้พบอีกว่า ผู้ที่นั่งแช่อยู่กับโต๊ะทำงานทั้งวันโดยไม่ลุกไปไหน มีแนวโน้มว่าจะเกิดอาการอ่อนเพลียในช่วงบ่ายและมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลงอีกด้วย


พักผ่อนหย่อนใจในสวนสักครู่

สำหรับคนที่มีที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ กับสวนสาธารณะหรือสวนหย่อมเล็ก ๆ หากคุณมีเวลาว่างหลังจากรับประทานมื้อเที่ยงสักหน่อย ลองเดินไปนั่งเล่นยืดเส้นยืดสายในสวนดูสิ เพราะการศึกษาจากประเทศแคนาดาค้นพบว่า สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้แบบสวนสาธารณะ สามารถช่วยให้เรามีความจำที่ดีขึ้น และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ลงจากการที่ต้องพบเจอกับความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นรถติด มลพิษทางเสียง หรือมลพิษทางอากาศต่าง ๆ อีกทั้งยังทำให้มีสมาธิมากขึ้นอีกด้วย


คณะสัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยมิสซูรีพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์สามารถช่วยเพิ่มฮอร์โมนออกซิโทซิน ที่ทำหน้าที่ลดระดับของฮอร์โมนความเครียดและช่วยทำให้คุณสงบ รวมทั้งสามารถโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้มากขึ้น แต่ไม่ต้องถึงขั้นนำสัตว์เลี้ยงไปทำงานด้วยนะ แค่เพียงเปิดรูปสัตว์เลี้ยงที่คุณชอบถ่ายเอาไว้ในมือถือขึ้นมาดู หรือใครไม่มีสัตว์เลี้ยงก็ลองหาคลิปวิดีโอสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ มาเปิดดูตอนที่ง่วง ๆ ความน่ารักของสัตว์เลี้ยงก็จะทำให้คุณตื่นเต็มตาได้อยากน่าอัศจรรย์เลย

 
ดื่มกาแฟให้ถูกเวลา

กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มพลังได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนมักจะชอบดื่มกาแฟเอาตอนบ่ายแก่ ๆ ซึ่งการดื่มกาแฟในเวลานั้นจะส่งผลกระทบต่อการนอนหลับในตอนกลางคืน ทำให้คุณนอนไม่หลับ และทำให้คุณง่วงในบ่ายวันถัดมา และเมื่อคุณเริ่มดื่มกาแฟอีกก็จะกลายเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุด ฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากให้นาฬิกาชีวิตของคุณเสีย และอยากจะให้ตัวเองมีแรงในตอนบ่าย ควรจะเลือกเวลาดื่มกาแฟให้ถูก โดยกาแฟแก้วสุดท้ายของวันควรจะอยู่ที่ราว ๆ บ่าย 2 โมง เพื่อให้สารคาเฟอีนในกาแฟที่คุณดื่มไม่ไปส่งผลถึงการนอนค่ะ


เคี้ยวหมากฝรั่ง

การศึกษาของมหาวิทยาลัย St. Lawrence พบว่านักศึกษาที่เคี้ยวหมากฝรั่งก่อนทำการทดสอบมีผลการสอบที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้เคี้ยวหมากฝรั่ง โดยเฉพาะการทดสอบในเรื่องความจำ แต่ถึงอย่างนั้นการเคี้ยวหมากฝรั่งนานเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะในการศึกษาเดียวกันก็พบอีกด้วยว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งนานกว่า 15-20 นาที จะทำให้ผลที่ออกมาตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ลองเคี้ยวหมากฝรั่งดูสักแป๊บ ก็จะช่วยทำให้หายง่วงได้เช่นกันนะ


ดื่มน้ำให้มากขึ้น
 
มีการเปิดเผยผลการวิจัยในวารสาร Journal of Nutrition ว่าภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ขาดสมาธิ และอารมณ์ไม่ดี การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำสักแก้ว และจิบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่นได้ตลอดวันโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มอื่น ๆ เราอาจไม่ต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ แค่ให้ได้เพียงวันละ 8 แก้วก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะ


เปิดเพลงฟังไปด้วยขณะที่ทำงาน

รู้หรือไม่ว่าการฟังเพลงไปด้วยขณะที่ทำงานไปด้วยสามารถช่วยให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มีการศึกษากันมาแล้ว โดยมี Teresa Lesiuk ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยไมอามีเป็นผู้ทำการวิจัย และจากการศึกษาที่ให้อาสาสมัครจำนวน 56 คนฟังเพลงในระหว่างการทำงานติดต่อกัน 3 สัปดาห์พบว่า การฟังเพลงทำให้คุณภาพของงานเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังทำงานเสร็จเร็วขึ้นด้วย ต่างจากเวลาที่ไม่ได้ฟังเพลงที่มีคุณภาพการทำงานที่ลดลง แถมยังใช้ระยะเวลาในการทำงานนานขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งนี้เองก็ควรเช็กให้ดีก่อนว่าที่ทำงานของคุณนั้นสามารถฟังเพลงได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้โดนเจ้านายว่าได้นะ

 
ลด ละ เลี่ยง ฟาสต์ฟู้ด

แม้เวลาพักเที่ยงจะน้อย แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ทำให้คุณต้องเลือกรับประทานอาหารอาหารฟาสต์ฟู้ด อีกทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ดยังย่อยไวและทำให้เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดผกผันด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คุณมีแรงมากขึ้นเพียงแค่ครู่เดียวก่อนจะกลับไปง่วงเหงาหาวนอนตลอดบ่าย ฉะนั้นมองข้ามฟาสต์ฟู้ดและหาอาหารที่มีโปรตีนสูงรับประทานจะดีกว่า นอกจากนี้ในอาหารมื้อกลางวันก็ควรจะมีคาร์โบไฮเดรตด้วย อาทิ ธัญพืชต่าง ๆ หรือถั่วบางชนิด หรือจะให้ดีก็เพิ่มผักใบเขียวอย่างคะน้า หรือผักโขมลงไปด้วย ก็สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียระหว่างวันได้ค่ะ


กินให้น้อยลง

การกินมื้อเที่ยงเยอะเกินไปก็มีส่วนทำให้ง่วงในช่วงบ่ายได้ เพราะปริมาณอาหารในมื้อกลางวันที่มากเกินไปจะทำให้ระบบการทำงานช้าลง ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว อีกทั้งยังอาจทำให้คุณรู้สึกจุกเสียดแน่นท้องจนไม่เป็นอันทำงานเลยล่ะ ฉะนั้นก่อนที่จะรับประทานอาหารควรคำนึงถึงปริมาณที่ควรรับประทาน หรือไม่ก็ทำอาหารไปรับประทานเอง ก็สามารถช่วยให้เราจำกัดปริมาณได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็ลองใช้วิธีพกกล่องใส่อาหารไปด้วย และให้ทางร้านแบ่งอาหารที่คุณรับประทานใส่กล่องครึ่งหนึ่งก่อนที่จะนำมาเสิร์ฟคุณ นั่นก็จะเป็นวิธีช่วยกำหนดปริมาณการรับประทานให้น้อยลงได้เช่นกัน

 
อย่างดมื้อเที่ยง

สำหรับคนที่กำลังไดเอท นอกจากไม่ควรงดมื้อเช้าแล้ว มื้อกลางวันก็ห้ามละเลยเด็ดขาด เพราะอาหารในมื้อเช้าเพียงมื้อเดียวไม่สามารถทำให้เราอยู่ไปได้ตลอดทั้งวันโดยไม่หมดแรงไปเสียก่อน แต่ถ้าไม่อยากจะรับประทานจริง ๆ ละก็อย่างน้อยก็ควรกินของว่างประเภทที่มีโปรตีนสูงและมีคาร์โบไฮเดรตทดแทน เช่น ผัก, ขนมปังโฮลวีทกับเนยถั่ว หรือโยเกิร์ตกับผลไม้ ปริมาณโปรตีนที่สูงจะช่วยให้อยู่ท้อง และคาร์โบไฮเดรตที่ได้รับก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานทำให้ไม่ง่วงระหว่างวันค่ะ


นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

โดยปกติแล้วคนเราจะต้องนอนหลับเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง ถึงจะเรียกว่าเพียงพอต่อร่างกาย และการที่คนเรานอนหลับไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุให้เกิดความแปรปรวนของนาฬิกาชีวิตได้ และส่งผลให้ง่วงในช่วงบ่ายได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด หากไม่อยากจะง่วงในช่วงบ่ายก็ควรจะนอนหลับให้เพียงพอ หากนอนหลับเพียงพอแล้วจะไม่มีทางง่วงตอนบ่ายอย่างเด็ดขาดเลย คอนเฟิร์ม !

ประสิทธิภาพในการทำงานถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่างไรก็ควรจะให้เรื่องสุขภาพมาก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าหากลองวิธีเหล่านี้แล้วยังง่วงจนทำงานไม่ไหวอยู่ละก็ไม่ควรจะฝืน ควรจะหยุดพัก ออกไปสูดอาการสักหน่อย หรือไม่ก็งีบสักเดี๋ยวจะดีกว่า เพราถ้าหากเรามัวแต่ฝืนทำงานต่อไป งานที่ออกมาก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อีกด้วย