ผู้เขียน หัวข้อ: ประเภทผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1441
  • ขายฟรีสินค้าในไทย,ลงประกาศฟรี,ทุกหมวดหมู่,เวบบอร์ดรองรับ SEO
    • ดูรายละเอียด
ประเภทผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
« เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2025, 20:36:05 น. »
ประเภทผ้ากันไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ในโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้ผ้ากันไฟเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมและกระบวนการทำงานที่หลากหลายและมีความร้อนสูง ผ้ากันไฟแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละงาน

นี่คือประเภทผ้ากันไฟที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม:

1. ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric / Glass Cloth)

เป็นผ้ากันไฟที่ได้รับความนิยมและใช้งานแพร่หลายที่สุดในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีและราคาที่เหมาะสม

คุณสมบัติ:

ไม่ติดไฟโดยธรรมชาติ: ทำจากเส้นใยแก้วที่ไม่เป็นเชื้อเพลิง

ทนความร้อน: โดยทั่วไปสามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 550°C - 750°C

น้ำหนักเบาและยืดหยุ่น: ง่ายต่อการจัดการและตัดเย็บ

ความแข็งแรง: มีความเหนียว ทนต่อแรงฉีกขาด

การใช้งานที่เหมาะสม:

ผ้าม่านกันประกายไฟ (Welding Curtains): ใช้กั้นพื้นที่ทำงานเชื่อม ตัด เจียร เพื่อป้องกันประกายไฟและสะเก็ดไฟกระเด็นไปโดนอุปกรณ์หรือพนักงาน

ผ้าห่มกันสะเก็ดไฟ (Welding Blankets): ใช้คลุมเครื่องจักร, สายไฟ, ท่อ, หรือวัตถุไวไฟ

ฉนวนหุ้มท่อ/อุปกรณ์: ใช้เป็นวัสดุหลักในการทำผ้าหุ้มฉนวนแบบถอดได้ (Removable Insulation Jackets) สำหรับท่อไอน้ำ ท่อลมร้อน หรืออุปกรณ์ที่มีความร้อนปานกลาง


2. ผ้าใยแก้วเคลือบผิว (Coated Fiberglass Fabric)
เป็นการนำผ้าใยแก้วพื้นฐานมาเคลือบด้วยสารต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติและประสิทธิภาพให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น

ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Fiberglass Fabric):

คุณสมบัติ:

ยังคงคุณสมบัติไม่ติดไฟและทนความร้อนของใยแก้ว (ผ้าใยแก้วหลักทนได้ 550°C สารเคลือบซิลิโคนทนได้ประมาณ 250°C - 280°C)

ป้องกันการฟุ้งกระจายของเส้นใย: ทำให้ผิวเรียบเนียน ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ (คุณสมบัติ "ไม่คัน")

ทนทานต่อการขูดขีดและการฉีกขาด: เพิ่มความทนทานทางกายภาพ

กันน้ำและน้ำมัน: ทำความสะอาดง่าย

ทนทานต่อสารเคมีบางชนิด

การใช้งาน:

ผ้าม่านกันประกายไฟในพื้นที่ที่มีพนักงานทำงานใกล้ชิดหรือมีการสัมผัสบ่อย

ผ้าหุ้มฉนวนสำหรับท่อ/อุปกรณ์ที่ต้องการความทนทานสูงและทำความสะอาดง่าย

ผ้าใยแก้วเคลือบเวอร์มิคูไลต์ (Vermiculite Coated Fiberglass Fabric):

คุณสมบัติ:

เพิ่มความสามารถในการ ทนความร้อนได้สูงขึ้น (มักจะถึง 800°C - 1000°C)

ทนทานต่อการทะลุผ่านของเปลวไฟ/สะเก็ดไฟ: มีประสิทธิภาพสูงในการเป็นเกราะป้องกัน

มีความแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี

การใช้งาน:

สำหรับงานเชื่อมหนัก งานที่มีความร้อนสูงมากเป็นพิเศษ

ใช้เป็นม่านกันไฟที่ต้องการประสิทธิภาพการป้องกันสูงสุด

3. ผ้าซิลิก้า (Silica Fabric)
เป็นผ้ากันไฟสำหรับงานที่ต้องการการทนความร้อนสูงกว่าผ้าใยแก้วทั่วไป

คุณสมบัติ:

ทนความร้อนสูงมาก: สามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ถึงประมาณ 980°C - 1000°C และอาจทนได้สูงสุดถึง 1200°C เป็นช่วงสั้นๆ (จุดหลอมละลายสูงถึง 1800°C)

ปริมาณซิลิกาบริสุทธิ์สูง: มักมี SiO2 มากกว่า 96%

ความยืดหยุ่นดี: สามารถนำไปตัดเย็บหรือหุ้มส่วนที่ซับซ้อนได้ง่าย

ทนทานต่อสารเคมี: ทนทานต่อการกัดกร่อนของกรดและสารเคมีบางชนิด

ไม่คัน: โดยทั่วไปจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเหมือนใยแก้วที่ไม่มีการเคลือบ

การใช้งาน:

ผ้าม่าน/ผ้าห่มกันประกายไฟสำหรับ งานเชื่อมหนักพิเศษ ที่มีสะเก็ดไฟร้อนและรุนแรงมาก

หุ้มฉนวนสำหรับท่อส่งความร้อนสูง, ฮีทเตอร์, หรือส่วนประกอบเทอร์ไบน์

งานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี, โรงไฟฟ้า, อุตสาหกรรมเหล็ก

4. ผ้าใยเซรามิก (Ceramic Fiber Fabric / Cloth)
เป็นผ้ากันไฟขั้นสูงสุดสำหรับงานที่ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่รุนแรงที่สุด

คุณสมบัติ:

ทนความร้อนสูงจัด: สามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 1000°C - 1260°C และบางเกรดพิเศษอาจสูงถึง 1430°C หรือ 1600°C

เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีเยี่ยม: มีค่าการนำความร้อนต่ำมาก

น้ำหนักเบามาก: เมื่อเทียบกับความสามารถในการทนความร้อน

ทนทานต่อ Thermal Shock: สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วได้ดี

ทนทานต่อสารเคมีและไม่ติดไฟ

การใช้งาน:

ฉนวนหุ้มเตาหลอม, เตาเผาอุตสาหกรรม, เตาอบอุตสาหกรรมที่มีอุณหภูมิสูงจัด

ปะเก็นหรือซีลสำหรับประตูเตาเผา

หุ้มท่อส่งก๊าซร้อนจัด หรือท่อไอเสียที่มีอุณหภูมิสูงมากในอุตสาหกรรมหนัก

การเลือกประเภทผ้ากันไฟที่เหมาะสมในโรงงานอุตสาหกรรม ควรพิจารณาจาก ช่วงอุณหภูมิใช้งานจริง เป็นอันดับแรก ตามมาด้วย ลักษณะการใช้งาน (กันสะเก็ดไฟ, หุ้มฉนวน, กั้นม่าน), สภาพแวดล้อม (มีสารเคมี, ความชื้น, การเสียดสีหรือไม่) และ งบประมาณ เพื่อให้ได้ผ้ากันไฟที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ากับการลงทุนครับ