ผู้เขียน หัวข้อ: ออล นิว ไทรทัน: เปิดประวัติ 45 ปี Mitsubishi Triton ตำนานกระบะพันธุ์แกร่งที่ไม่เ  (อ่าน 82 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 895
  • ขายฟรีสินค้าในไทย,ลงประกาศฟรี,ทุกหมวดหมู่,เวบบอร์ดรองรับ SEO
    • ดูรายละเอียด
ออล นิว ไทรทัน: เปิดประวัติ 45 ปี Mitsubishi Triton ตำนานกระบะพันธุ์แกร่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

ผู้ชายและรถกระบะเป็นสองสิ่งที่แสดงถึงความแข็งแกร่งที่อยู่คู่กันมาทุกยุคสมัย สำหรับประเทศไทยที่มีรถกระบะหลายแบรนด์ให้เลือกเป็นเจ้าของ Mitsubishi Triton ยืนหยัดเป็นตำนานอยู่ในวงการมากว่า 45 ปี พร้อมนำเสนอจุดเด่นด้านความแข็งแกร่งทนทาน การใช้งาน สมรรถนะ เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และการขับขี่ที่ดีเยี่ยมมาตลอด 5 เจเนอเรชัน ล่าสุด Triton กำลังเดินหน้าเข้าสู่ตำนานบทใหม่พร้อมเทคโนโลยีและรูปลักษณ์หน้าตาที่ทำเอาผู้ชายอย่างเรา ๆ เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้น การเป็นตำนานนั้นไม่ง่าย แต่การเป็นที่ยอมรับในคุณภาพตลอดระยะเวลากว่า 45 ปีนั้นยากกว่า ในฐานะที่ Triton รุ่นที่ 6 กำลังเฉิดฉาย Mendetails ขอพาผู้ชายทุกคนมารู้จักเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของกระบะพันธุ์แกร่งรุ่นนี้กันครับ

Mitsubishi L200 (Forte) จุดเริ่มต้นของตำนาน

ความต้องการรถกระบะขนาดเล็กที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายยุค 70s ผลักดันให้ Mitsubishi เปิดตัวกระบะขนาดเล็กรุ่นแรกของตัวเองออกมาในปี 1978 มันมีชื่อสากลว่า L200 ส่วนในญี่ปุ่นจะใช้ชื่อว่า Forte เปิดตัวมากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรที่ยืมมาจากรถเก๋งร่วมค่ายในขณะนั้น ก่อนจะเพิ่มเครื่องยนต์อื่น ๆ เข้ามาอีกหลายขนาดทั้งเบนซินและดีเซลสำหรับขายในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

L200 มีจุดเด่นที่ระบบสะเทือนหน้าแบบปีกนกสองชั้นซึ่งให้เสถียรภาพดีกว่ารถกระบะหลาย ๆ รุ่นในยุคนั้น พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบเพลาสปริงที่มีความทนทานและรองรับการบรรทุกหนักได้ดี ต่อมาในปี 1980 ก็มีการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรกโดยใช้ประสบการณ์จากการพัฒนาช่วงล่างให้กับ Jeep ในอเมริกาเป็นพื้นฐาน ถือเป็นต้นแบบของความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Mitsubishi ที่ยังคงโดดเด่นต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

Mitsubishi Cyclone กับการบุกเข้าสู่ตลาดประเทศไทย

Mitsubishi L200 เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 1986 รุ่นนี้เป็นการพลิกโฉมหน้าตาใหม่ทั้งหมดให้มีความทันสมัยและบึกบึนกว่าเดิม ขนาดตัวถังใหญ่ขึ้น ใช้แชสซีและช่วงล่างของ Pajero ที่กำลังโด่งดังมากในเวลานั้น รูปแบบตัวถังมีทั้งตอนเดียว, แคป และสี่ประตู ระบบขับเคลื่อนมีทั้งสองล้อและสี่ล้อ 4WD เครื่องยนต์มีทั้งเบนซินและดีเซลในหลาย ๆ ความจุ

ช่วงนี้เองที่ Mitsubishi L200 ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัวโดยใช้ชื่อว่า Cyclone มากับเครื่องดีเซล 2.5 ลิตร 84 แรงม้า ก่อนจะตามมาด้วยเครื่อง 2.5 ลิตร เทอร์โบ 98 แรงม้า พร้อมกันนี้ยังเริ่มมีการใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างพวงมาลัยพาวเวอร์ เกียร์อัตโนมัติ และเบาะนั่งด้านหน้าแบบแยก 2 ที่นั่ง เพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร Cyclone ได้รับการยอมรับในด้านความทนทานของตัวรถและเครื่องยนต์พร้อมกับความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม จึงเป็นที่นิยมของคนไทยไม่น้อย ขึ้นแท่นเป็นกระบะขายดีอีกหนึ่งรุ่นในยุคนั้น


Mitsubishi L200 Strada กับแจ้งเกิดในการแข่งขันแรลลี่

Mitsubishi L200 เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 1996 พร้อมกับการปฏิวัติรูปลักษณ์หน้าตาอีกครั้งจากความเหลี่ยมทื่อของรุ่นก่อนหน้าสู่รูปลักษณ์ใหม่ที่โค้งมนมากขึ้นตามยุคสมัย ตัวถังมีให้เลือกครบทุกรูปแบบ รวมถึงระบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อใหม่ Easy Select 4WD ช่วงนี้เองที่ Mitsubishi เริ่มส่งกระบะรุ่นนี้ลงแข่งขันแรลลี่เคียงข้างกับ Pajero ซึ่งมันก็สร้างความสำเร็จในหลาย ๆ รายการทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยใช้ชื่อทำตลาดว่า Strada มากับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 และ 2.8 ลิตรที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติให้เลือกใช้ พร้อมออปชันความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นตามยุคสมัย และยังถูกนำไปต่อยอดเป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งในชื่อ G-Wagon ด้วย

Strada มีฐานการผลิตทั้งในญี่ปุ่นและประเทศไทย มีการปรับโฉม facelift 1 ครั้ง มีจำนวนการผลิต ยอดขาย และการส่งออกที่มากกว่ารุ่นพี่ Cyclone เป็นอีก 1 รุ่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ทำตลาด

ชื่อ Triton ครั้งแรกในประเทศไทย

Mitsubishi L200 เจเนอเรชันที่ 4 มาถึงประเทศไทยในปี 2005 พร้อมกับใช้ชื่อ Triton เป็นครั้งแรก รูปลักษณ์หน้าตามากับความโค้งมนที่ทันสมัยเข้ากับยุค จุดเด่นคือรอยต่อระหว่างหัวเก๋งกับกระบะที่เป็นแนวโค้ง J-Line ซึ่งถือเป็นดีไซน์ที่แปลกใหม่ในเวลานั้น รูปแบบตัวถังมีครบทั้งตอนเดียว, แคป, สี่ประตู เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งขับสองและขับเคลื่อนสี่ล้อ Easy Select 4WD รวมถึงมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 กับ 5 สปีดให้เลือกใช้

ด้านขุมพลังเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องคอมมอนเรลเป็นครั้งแรก เปิดตัวมาพร้อมกับเครื่องดีเซลความจุใหญ่ที่สุดในเวลานั้นคือ 3.2 ลิตร เทอร์โบ 165 แรงม้า พร้อมด้วยเครื่อง 2.5 ลิตร 118 กับ 128 แรงม้า ก่อนจะเข้าสู่ยุคของระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ให้กำลังแรงม้าสูงกว่าในเวลาต่อมา

Triton มากับความสะดวกสบายที่มากขึ้น ห้องโดยสารใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยใกล้เคียงรถเก๋งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรุ่น Triton PLUS ซึ่งเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อแบบยกสูงสำหรับเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่อยากเท่แบบรุ่น 4WD แต่ไม่อยากจ่ายแพง และยังมีรุ่นที่ใช้แก๊ส CNG ด้วย

ชื่อเสียงและความนิยมของ Triton เพิ่มมากขึ้นทั้งระดับโลกและในประเทศไทย รุ่นนี้มีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งขัน Dakar Rally และการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอื่น ๆ อีกหลายรายการ ในส่วนของการผลิตหลักจะอยู่ที่โรงงานในประเทศไทยส่งออกไปขายทั่วโลก มียอดการผลิตรวมกว่า 1,423,000 คัน ตลอด 9 ปีที่ทำตลาด


Triton ยกระดับสู่ความพรีเมียม

ปี 2014 Mitsubishi เปิดตัว Triton หรือ L200 เจเนอเรชันที่ 5 อย่างเป็นทางการพร้อมการปฏิวัติครั้งใหญ่ในด้านรูปลักษณ์ ขุมพลัง ความสะดวกสบาย ความอเนกประสงค์ ความทนทาน และระบบความปลอดภัย ยกระดับภาพลักษณ์ของรถกระบะเดิม ๆ ให้พรีเมียมยิ่งขึ้น มากับหน้าตาใหม่ที่ดุดันและทันสมัย เส้นสายตัวถังโค้งมนพร้อมความเฉียบคมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังรักษาเอกลักษณ์เส้นโค้ง J-Line เอาไว้เช่นเดิม ด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีการแนะนำเทคโนโลยี Super Select 4WD-II ควบคุมการเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่ยกมาจาก Pajero Sport เป็นครั้งแรก

ในส่วนของเครื่องยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ใหม่ที่มาพร้อมวาล์วแปรผัน MIVEC ได้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 181 แรงม้า เสริมทัพด้วยขุมพลังชุดเดิมจากรุ่นที่แล้วทั้งดีเซล 2.5 ลิตร 128 แรงม้า กับเครื่อง VG Turbo 178 แรงม้า

Triton รุ่นนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยจากคุณภาพของรถ รวมถึงความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารและราคาที่คุ้มค่า สามารถสร้างยอดขายได้ดีทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีรุ่นตกแต่งพิเศษ Triton Athlete ออกมาเอาใจคนชอบความเท่สไตล์ออฟโรด

4 ปีหลังจากเปิดตัว Triton ก็มีการปรับโฉมใหญ่เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ทั้งคันหัวจรดท้ายจนดูเหมือนเปลี่ยนเจเนอเรชัน โดยมากับเส้นสายตัวถังที่คมเข้มดุดันพร้อมเหลี่ยมมุมที่แข็งแกร่งชัดเจนตาม design language แบบใหม่ของ Mitsubishi จุดที่น่าสนใจคือระบบความปลอดภัยขั้นสูงจำนวนมากที่ยัดใส่เข้ามาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบเกี่ยวกับการช่วยขับขี่ ระบบเตือนรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนระบบป้องกันอันตรายผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เรียกได้ว่าเป็นรถกระบะที่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยเยอะและครบที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด

ขณะเดียวกัน Triton Athlete ก็มากับหน้าตาใหม่ที่คมเข้มและดุดันยิ่งกว่าเดิม เช่นเดียวกับ Triton PLUS ที่หล่อยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันพิเศษอย่าง Triton Ralliart Edition ที่มากับลวดลายตัวแข่งทางฝุ่น และล่าสุดกับ Triton S-Limited ที่มากับการตกแต่งสไตล์สปอร์ต


All-New Mitsubishi Triton “The Disruptor”

26 กรกฎาคม 2023 ตำนานรถกระบะของ Mitsubishi เดินหน้าเข้าสู่บทใหม่กับการมาถึงของ All-New Triton เจเนอเรชันที่ 6 มาพร้อมการรังสรรค์ใหม่ทั้งคันหัวจรดท้าย ดีไซน์ใหม่หมด ใหญ่ขึ้น ดุดันขึ้น พร้อมโครงสร้างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เปิดตัวมากับเครื่องยนต์ใหม่คลีนดีเซล เทอร์โบ 2.4 ลิตร Hyper Power กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง Active Yaw Control ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ และโหมดขับขี่ออฟโรด 7 โหมด

ห้องโดยสารมากับดีไซน์แบบใหม่ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis โดดเด่นด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและการตกแต่งอย่างมีสไตล์ รวมถึงระบบความบันเทิงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว นอกจากนี้ยังยกระดับความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense ที่ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว, ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน และระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ตอบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตั้งแต่การขับขนของเชิงพาณิชย์ ขับออฟโร้ดสำหรับสาย outdoor ไปจนถึงการใช้งานในเมืองทั่วไป

All-New Triton ประกาศราคาเริ่มต้นแล้วที่ 699,000 บาท วางขายในไทยเป็นที่แรกของโลก ก่อนจะเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียนและเตรียมจะกลับไปขายที่ญี่ปุ่นบ้านเกิดอีกครั้งในรอบ 12 ปีในช่วงต้นปี 2024 นี้